คำถามที่พบบ่อย - คำถามเกี่ยวกับการวิเคราะห์ศาสตร์ลายเส้นนิ้วมือ

Dermatoglyphics คือ การศึกษาลายนิ้วมือ ลายฝ่ามือ และลายฝ่าเท้า ลายเส้นผิวหนัง เริ่มปรากฏตั้งแต่อายุ 13 สัปดาห์ในครรภ์ และสมบูรณ์ประมาณสิ้นสุดสัปดาห์ที่ 21 จากนั้นจะคงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกเลยตลอดชีวิต เส้นลายผิวหนังของแต่ละบุคคลมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และไม่มีการเปลี่ยนแปลง รูปแบบของ Dermatoglyphics ได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้วินิจฉัยเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมานี่เอง และเริ่มขยายสู่วงการการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวางในฐานะวิชาวิทยาศาสตร์แขนง หนึ่ง', 'Dermatoglyphics คือ การศึกษาลายนิ้วมือ ลายฝ่ามือ และลายฝ่าเท้า ลายเส้นผิวหนัง เริ่มปรากฏตั้งแต่อายุ 13 สัปดาห์ในครรภ์ และสมบูรณ์ประมาณสิ้นสุดสัปดาห์ที่ 21 จากนั้นจะคงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกเลยตลอดชีวิต เส้นลายผิวหนังของแต่ละบุคคลมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และไม่มีการเปลี่ยนแปลง รูปแบบของ Dermatoglyphics ได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้วินิจฉัยเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมานี่เอง และเริ่มขยายสู่วงการการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวางในฐานะวิชาวิทยาศาสตร์แขนง หนึ่ง

นักวิทยาศาสตร์ และแพทย์ ได้ใช้วิชาพันธุศาสตร์ (Genetics), ชีววิทยาการพัฒนาตัวอ่อน (Embryology), ศาสตร์ลายเส้นนิ้วมือ (Dermatoglyphics), วิชามานุษยวิทยา (Anthropology) และกายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) มาใช้เป็นพื้นฐานในการสังเกต วิเคราะห์ และสรุปผลการศึกษาวิจัยทางด้าน Dermatoglyphics ดังนั้นการประเมินทาง Dermatoglyphics Assessment จึงเป็นวิชาแขนงใหม่ที่ใช้การวิเคราะห์ และการประเมิน โดยอาศัยความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ และการแพทย์สมัยใหม่

  • ความได้เปรียบของหน้าที่สมองในส่วนต่างๆ
  • เสริมความแข็งแกร่งของความสามารถในการเรียนรู้
  • ช่วยประเมินรูปแบบการเรียนรู้ด้านการมองเห็น ด้านการฟัง และด้านการได้ยิน
  • ช่วยประเมินลักษณะการเรียนรู้ทั้ง 4 แบบ คือ ลักษณะรู้ตนเอง (Cognitive Style), ลักษณะการเลียนแบบ (Imitative style), ลักษณะความคิดทวนกระแส (Reverse Thinking style) และลักษณะแบบเปิด (Open Style)
  • ช่วยประเมินศักยภาพ (ความฉลาด) รอบด้าน, พหุปัญญา ทั้ง 8 ด้าน (The 8 Multiple Intelligences)

Dermatoglyphics Analysis เป็นการคำนวนจากการวัดลายเส้นผิวหนังที่ไม่สามารถมีการเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขได้ โดยการใช้คอมพิวเตอร์ การเปรียบเทียบทางวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์หาจำนวน (Quantitative Analysis) ผลที่ได้จึงเป็นรูปธรรม ไม่มีอคติ หรือลำเอียง และยังคงอยู่เหมือนเดิมแม้เด็กจะเติบโตขึ้น ซึ่งโดยหลักการพื้นฐานนี้แตกต่างจากการดูหมอดูซึ่งอ่านจากลายฝ่ามือ

Dermatoglyphics Analysis เป็นเครื่องมือให้พ่อแม่และครูรู้ถึงความได้เปรียบในด้านต่างๆในสมองของเด็ก และวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนของเด็กแต่ละคนเท่านั้น ไม่สามารถนำมาใช้จัดลำดับความสามารถของเด็ก

  1. ทางด้านการศึกษา
    • ใช้ประเมินความฉลาดที่มีมาแต่กำเนิด
    • การสื่อสารและการศึกษา
    • การคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถพิเศษ
    • การสร้างการเรียนรู้ของบุคคล
    • ค้นหาพรสวรรค์
    • แนะนำการศึกษาต่อ
    • หาวิธีการเรียนการสอนที่เหมาะสม
  2. ด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource)
    • การประเมินเพื่อการรับสมัครงาน
    • การประเมินตำแหน่งงานที่เหมาะสม
    • หาแนวทางการฝึกอบรมพนักงาน
    • ค้นหาศักยภาพแฝงของพนักงาน
    • การสร้างผู้นำ
    • ปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร
    • ทรัพยากรบุคคล
    • การขาย และการตลาด